วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

เปิดตัว All-New Toyota Alphard/Vellfire แวนหรูโฉมใหม่เอาใจเซเลบริตี้ เตรียมเปิดตัวรุ่นประกอบไทย เดือน ก.พ. นี้

   ทั้ง Toyota Alphard และ Toyota Vellfire ต่างเป็นรถแวนสุดไฮโซจากค่ายสามห่วงที่ได้ผลตอบรับจากลูกค้าญี่ปุ่นค่อนข้างดีพอควร และในเมืองไทยนั้น เหล่าบรรดาพวกดารา นักร้อง เซเลบริตี้ หรือนักการเมืองบางคนก็มีรถแวนสุดหรูรุ่นนี้ไว้ในครอบครองทั้งนั้น และแน่นอนว่าโฉมปัจจุบันนั้นก็ทำตลาดมาประมาณ 7 ปีได้แล้ว ซึ่งก็ได้เวลาเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่กันแล้ว

   และล่าสุดวันนี้ (27 ม.ค.) Toyota ประเทศญี่ปุ่นก็ได้ทำการเปิดตัว All-New Toyota Alphard และ Toyota Vellfire โฉมใหม่หมดจดรอบคัน ที่มากับแนวการออกแบบและตกแต่งที่หรูหราขึ้นไปอีกระดับ ยังคงเป็นขวัญใจเซเลบริตี้ตามเคย หลายคนอาจจะสงสัยว่า Toyota Alphard กับ Vellfire ต่างกันยังไง? คำตอบก็คือ Alphard จะเน้นแนวหรูหรา ส่วน Vellfire จะเน้นความสปอร์ต และทั้ง 2 จะแยกตัวแทนจำหน่ายขายด้วย ทาง Alphard จะขายผ่านดีลเลอร์ Toyopet ส่วน Vellfire จะขายผ่านดีลเลอร์ Netz ทั้งหมดก็ไปตามประการฉะนี้แล



   หน้าตาของทั้งคู่นั้น เริ่มจาก Alphard จะมีแนวการออกแบบที่หรูหราฟรุ้งฟริ้งขึ้นอีกระดับ เส้นสายยังคงแนวการออกแบบสไตล์เดิมไว้ กระจังหน้าขนาดใหญ่ประดับประดาด้วยโครเมียมเต็มกระจังหน้า ลากยาวต่อเนื่องไปจนถึงกันชนหน้า ดูหรูหราเหมือนกัน (บางคนแซวว่าคล้ายเมล็ดข้าวโพดไม่ก็ขนมปังแพ) เส้นด้านข้างออกแบบให้ดูมีมิติขึ้นกว่าเดิม ต่อเนื่องไปถึงประตูท้าย มากับบั้นท้ายเหลี่ยมแข็งๆทื่อๆ ที่มากับไฟท้ายทรงใหม่ที่มันจะพยายามทำให้เหมือน Odyysey ของคู่แข่ง อาจจะดูขัดตาเล็กน้อย แต่มองนานๆไปก็ดูดีพอสมควร ส่วน Vellfire นั้นไม่ได้ต่างกันมาก เพียงปรับหน้าตาให้ดูซับซ้อนกว่าเดิม ไฟหน้าแบบ 2 ชั้น พร้อมกับกันชนหน้าสุดเฟี้ยว ตามด้วยไฟท้ายที่เปลี่ยนจากเลนส์สีแดงของ Alphard เป็นตัวโคมสีขาว ก็ดูดีขึ้นไปอีก

   ภายในของรถนั้นได้ยกระดับการออกแบบให้ดูหรูหราฟรุ้งฟริ้งยิ่งกว่าเดิม มากับคอนโซลหน้าสุดหรู พร้อมจอสัมผัสตรงกลางขนาดใหญ่ 9.2 นิ้ว มากับลูกเล่นใหม่ๆ ได้แก่ หน้าจอแบบ Multi-Touch
แจ้งเตือนอุบัติเหตุบนถนนพร้อมแสดงภาพจากกล้องวงจรปิดตามท้องถนน ระบบแผนที่อัพเดตอัตโนมัติ
และฟังก์ชั่นอื่นๆ รองรับจากระบบเชื่อมต่อบนโทรศัพท์มือถืออย่าง T-Connect หลักการคล้าย Smart G-Book เมืองไทย พร้อมลำโพง JBL 17 ตัว หน้าปัดแอร์เหมือนยกชุดมาจาก Camry ตัวปัจจุบัน ในรุ่น Alphard ภายในจะเป็นโทนสีเบจ ส่วนรุ่น Vellfire จะเป็นโทนสีดำ
จุดขายใหม่ที่เพิ่มเข้ามาของ Alphard และ Vellfire ก็คือ หลุมเก็บสัมภาระใต้เบาะนั่งแถวที่ 3 ความจุ 148 ลิตร และยังติดตั้งแนวหลอดไฟ LED บริเวณเพดานห้องโดยสารที่สามารถเปลี่ยนสีบรรยากาศได้ถึง 16 เฉดสีกันเลยทีเดียวครับ

   ด้านเครื่องยนต์นั้นมีขุมพลังให้เลือก 3 แบบด้วยกัน เริ่มที่รุ่น 2.5 Hybrid จะมากับเครื่องยนต์ 2AR-FXE Atkinson-cycle มากับพละกำลัง 152 แรงม้า PS ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิด 206 นิวตัน-เมตรที่ 4,400 – 4,800 รอบต่อนาที ผนวกกับกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ด้านหน้ามี 68 แรงม้า แรงบิด 139 นิวตัน-เมตร ด้านหลังนั้นมี 143 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Sequential Shiftmatic 6 สปีด มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 อยู่ที่ 19.4 กม./ลิตร

  เครื่องยนต์อีกตัวก็คือ เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 2AR-FE มากับพละกำลัง 182 แรงม้า PS ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 235 นิวตัน-เมตรที่ 4,100 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Sports Sequential Shiftmatic 7 สปีด ซึ่งถ้าหากเลือกออปชั่น idling stop ก็มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงราว 12.8 กม./ลิตร

   ปิดท้ายด้วยขุมพลังใหญ่ตัวแรง เครื่องยนต์เบนซิน 3.5 ลิตร 2GR-FE  V6 3.5 ลิตร มากับพละกำลัง 280 แรงม้า PS ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิด 344 นิวตัน-เมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที  ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Sequential Shiftmatic 6 สปีด จังหวะพร้อม ECT มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ มีอัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน JC08 วัดได้ 9.5 กม./ลิตร

   ด้านระบบความปลอดภัยของรถคันนี้ถือว่าจัดเต็มเอาเรื่องเลยทีเดียว เริ่มที่ Panoramic View Monitor มากับกล้องที่ถ่ายทอดภาพด้านซ้ายและขวาของตัวรถที่สามารถแสดงภาพแบบมุมมอง See Through ระบบช่วยจอดอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับกล้องและเรดาร์ เซ็นเซอร์ที่ทำงานร่วมกับโซนาร์วัดระยะอัจฉริยะที่ระบบจะเบรกทันทีเมื่อตรวจจับว่ารถจะชนกับวัตถุหรือคน นอกจากนี้ยังมี กล้องรอบคันพร้อมกล้องหลังปรับมุมได้ 3 ระดับ,เซ็นเซอร์รอบคันพร้อมระบบเตือนในบริเวณด้านข้างตอนถอยรถ ระบบช่วยการทรงตัว,ระบบช่วยขึ้นเขา,ระบบเตือนรถข้างหน้าเมื่อเบรก,ระบบเตือนรถเวลาเข้าเกียร์ผิด, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ,ระบบไฟหน้าตรงมุมข้างรถ,กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อน,ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED,ระบบไฟเบรกฉุกเฉิน,กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ,ระบบเตือนเวลาตกใจตอนถอยชน และถุงลมนิรภัย 7 ลูก

   ด้านค่าตัวนั้น Toyota Alphard และ Vellfire จะมีค่าตัวเริ่มต้นราวๆ  3,197,782 เยน (ขอให้กดเครื่องคิดเลขคิดเองนะครับ) โดย Toyota ตั้งเป้ายอดขายสำหรับ Alphard ในญี่ปุ่น 3,000 คัน/เดือน รวมถึง Vellfire 4,000 คัน/เดือน และจะบอกเลยว่า Toyota Motor Thailand มีแผนจะเอา Alphard ใหม่มาประกอบขายในเมืองไทย ซึ่งจะเปิดตัวราวๆเดือนกุมภาพันธ์ น่าจะมีค่าตัวราวๆ 2.5 ล้านครับ ส่วน Vellfire นั้นคงต้องให้เกรย์มาร์เก็ตนำเข้ามาขายครับ
อยากติดตามข่าวสารรถใหม่ อัพเดตเร็วทันใจ คุยสารพัดเรื่องรถ 
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย

Like Box