เปิดผ้าคลุม Rolls-Royce Cullinan เอสยูวีรุ่นแรกของค่าย หรูหราประดุจเพชรเม็ดงาม

  ได้ฤกษ์เปิดผ้าคลุมเสียที เมื่อ Rolls-Royce ได้ทำการเปิดตัว "Rolls-Royce Cullinan" ที่ถือเป็นรถเอสยูวีครอสโอเวอร์รุ่นแรกของค่าย และถือเป็นรถเอสยูวีครอสโอเวอร์ที่มีความหรูหราที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

  ชื่อ Cullinan มาจากเพชรเม็ดงามที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยพบมา ซึ่งเพชรเม็ดนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของ
เครื่องราชกกุธภัณฑ์ของอังกฤษอีกด้วย ค่าย Rolls-Royce อธิบายว่า Cullinan จะเป็นรถอเนกประสงค์ระดับหรูที่สามารถเดินทางไปได้ทุกสภาพภูมิประเทศ และยังสามารถนำพาลูกค้าไปสัมผัสประสบการณ์ความหรูหราของรถบนเส้นทางออฟโรดด้วย

  Rolls-Royce Cullinan ถือเป็นรถรุ่นที่สองของค่ายที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม "Architecture of Luxury" เหมือนกับ Phantom โฉมล่าสุด จะทำการติดตั้งขุมพลังเบนซิน 6.75 ลิตร V12 ทวินเทอร์โบ ที่มากับพละกำลังสูงสุด 563 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตรที่ 1,600 รอบ/นาที สำหรับอัตราเร่งไม่มีการให้ข้อมูลตรงนี้แต่อย่างใด แต่ทาง Rolls-Royce ก็บอกว่าเอสยูวีสุดหรูคันนี้สามารถวิ่งได้ 250 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดที่ล็อคไว้

  แซสซีส์ของรถยังได้รับการออกแบบใหม่เฉพาะรุ่น ติดตั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่สามารถปรับระดับความสูงได้เอง ปรับแต่งในหลายๆส่วนเพื่อให้มีการขับขี่ที่นุ่มนวลประดุจนั่งอยู่บนพรมวิเศษแม้จะขับขี่บนเส้นทางที่ลำบากก็ตาม เพลาหน้าจะเป็นแบบดับเบิลวิชโบน ส่วนด้านหลังจะเป็น 5-Link

  ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ Cullinan จะมากับปุ่ม "Everywhere" ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้แรงบิดทั้งหมด 850 นิวตัน-เมตรในการขับขี่ไปในทุกๆสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นพื้นหินกรวด , หญ้าแฉะ , โคลน , หิมะ และ ทราย อีกทั้งสามารถรองรับการวิ่งในน้ำที่ระยะความลึกสูงสุด 540 มิลลิเมตรซึ่งทาง Rolls-Royce อ้างว่ามากที่สุดในบรรดาเอสยูวีระดับหรูทั้งหลาย

  เมื่อขับขี่บนทางออฟโรด Cullinan จะมีระบบปรับลดการสั่นสะเทือนโดยจะใช้ Air Compressor ในการดันให้ล้อแต่ละล้อที่ตรวจพบว่าสูญเสียการเกาะถนน เพื่อให้แน่ใจว่าล้อทั้งสี่สามารถยืดเกาะถนนได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่อง

   ดีไซน์ภายนอกของตัวรถจะเดินตามรอย Rolls-Royce ยุคใหม่อย่าง Phantom โฉมล่าสุด จะเห็นถึงกระจังหน้าดีไซน์ที่คุ้นเคยและกันชนหน้าดีไซน์บึกบึนสมเป็นรถเอสยูวี เส้นสายด้านข้างยังคงมาในแนวหรูๆเรียบๆ และเอกลักษณ์ที่ทิ้งไม่ได้เลยก็คือ "ประตูเปิดแบบตู้กับข้าว" ส่วนด้านท้ายจะมากับโคมไฟท้าย LED ดีไซน์สวย ติดตั้งสปอยเลอร์บริเวณฝาท้าย

    Rolls-Royce Cullinan จะมีขนาดตัวถัง 5,341 มิลลิเมตร กว้าง 2,164 มิลลิเมตร สูง 1,835 มิลลิเมตร และฐานล้อยาว 3,295 มิลลิเมตร น้ำหนักรถไม่รวมน้ำหนักบรรทุกอยู่ที่ 2,660 กิโลกรัม ลูกค้าสามารถเลือกรูปแบบเบาะหลังได้ ทั้งแบบปกติ (Lounge Seats) และเบาะแบบพิเศษ 2 ที่นั่ง (Individual Seats)

   เมื่อกำลังก้าวเท้าขึ้นรถ ระบบช่วงล่างแบบถุงลมจะปรับลดความสูงรถลงอัตโนมัติ 40 มิลลิเมตร และเมื่อสตาร์ทรถระบบจะปรับสู่ความสูงปกติ ห้องโดยสารยังออกแบบให้กว้างขวางนั่งสบาย มีประตูรถขนาดใหญ่ซึ่งทำให้สะดวกในการก้าวเท้าเข้าไปนั่งสัมผัสประสบการณ์ระดับหรู

  ภายในห้องโดยสารยังคงดีไซน์ที่เรียบหรูน่าสัมผัสตามสไตล์ Rolls-Royce มากับพวงมาลัยที่ดูเล็กกว่า Rolls-Royce รุ่นอื่นๆ ตรงกลางจะติดตั้งระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสตรงกลาง นอกจากนี้ยังติดตั้งจอสี Head-Up Display ความละเอียดสูง , ระบบเชื่อมต่อ Wi-Fi Hotspot รวมทั้งระบบนำทางและระบบความบันเทิงเวอร์ชั่นล่าสุด

  Rolls-Royce Cullinan ยังมีฟีเจอร์พิเศษที่ทางค่ายตั้งชื่อว่า "Clasp" ซึ้งเป็นที่นั่งปิกนิค 2 ที่และมีโต๊ะเล็กๆตรงกลางที่ซ่อนอยู่ใต้ห้องสัมภาระ โดยจะยื่นออกมาเมื่อเรากดปุ่มใช้งาน และอีกจุดเด่นของห้องโดยสารหลังก็คือ แผ่นกระจกกั้นที่สามารถแยกห้องโดยสารหลังและห้องสัมภาระออกจากกันได้ ไม่เพียงช่วยให้ห้องโดยสารมีความสงบแต่ยังทำให้ห้องโดยสารหลังยังคงอุณหภูมิที่เหมาะสมแม้จะเปิดฝาท้ายรถก็ตาม

     สำหรับความจุสัมภาระด้านหลังจะอยู่ที่ 560 ลิตร (รวมถาดวางสัมภาระ แต่ถ้าเอาออกจะเพิ่มเป็น 600 ลิตร) เมื่อพับเบาะหลังลงจะมีความจุสัมภาระทั้งหมด 1,930 ลิตร พร้อมระยะความยาวของเนื้อที่ว่าง 2,245 มิลลิเมตร ยาวจนสามารถไปนอนด้านหลังได้อย่างสบายๆ

  ระบบความปลอดภัยของรถยังมีการติดตั้งระบบช่วยมองภาพกลางคืนพร้อมระบบตรวจจับและแจ้งเตือนสัตว์และคนเดินถนนทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน , ระบบผู้ช่วยแจ้งเตือน , ระบบกล้อง 4 ตัวพร้อมภาพจอกว้าง , ระบบทัศนียภาพรอบทิศทางรวมถึงมุมมองจากด้านบน , ระบบ Active Cruise Control , ระบบเตือนการชน Collision Warning , ระบบเตือนเมื่อมีการจราจรตัดผ่าน Cross-Traffic Warning และระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนและระบบช่วยให้รถขับขี่ในเลน  Lane Departure and Lane Change Warning

  Rolls-Royce Cullinan จะมีราคาเริ่มต้นที่ 325,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 10,381,000 บาทไทย

ที่มา Carscoops